ถาม | "ฐานข้อมูล (Database)" คืออะไร? และอะไรคือสาเหตุที่องค์กรส่วนใหญ่เลือกใช้ฐานข้อมูลแทนการใช้ไฟล์เก็บข้อมูลแบบดั้งเดิม |
ตอบ |
ฐานข้อมูล คือกลุ่มของข้อมูลที่ถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบและมีความสัมพันธ์กัน โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกจัดการโดย ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System - DBMS) เพื่อให้สามารถเข้าถึง, จัดการ, และอัปเดตข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
องค์กรส่วนใหญ่เลือกใช้ฐานข้อมูลแทนการใช้ไฟล์เก็บข้อมูลแบบดั้งเดิมด้วยเหตุผลดังนี้:
* ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล (Data Redundancy): ฐานข้อมูลช่วยให้ข้อมูลถูกจัดเก็บเพียงครั้งเดียวในที่ส่วนกลาง ซึ่งต่างจากระบบไฟล์ที่อาจมีการสร้างไฟล์ข้อมูลที่ซ้ำซ้อนกัน ทำให้เกิดความสับสนและสิ้นเปลืองพื้นที่
* เพิ่มความถูกต้องของข้อมูล (Data Integrity): ฐานข้อมูลมีกลไกในการกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ (Constraints) เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่บันทึกมีความถูกต้องและเป็นไปตามที่กำหนด
* ความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security): ฐานข้อมูลสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลที่แตกต่างกันสำหรับผู้ใช้แต่ละคนได้ ทำให้ผู้ใช้บางคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้เฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของตนเองเท่านั้น
* ความสามารถในการจัดการและเข้าถึงข้อมูล: DBMS มีเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการสืบค้น, แก้ไข, และเรียกดูข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น
|
ถาม | อธิบายความแตกต่างระหว่างฐานข้อมูลแบบเชิงสัมพันธ์ (Relational Database) กับฐานข้อมูลแบบไม่เชิงสัมพันธ์ (NoSQL Database) และยกตัวอย่างการใช้งานที่เหมาะสมของแต่ละประเภท |
ตอบ |
ฐานข้อมูลทั้งสองประเภทมีโครงสร้างและวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน:
* ฐานข้อมูลแบบเชิงสัมพันธ์ (Relational Database):
- โครงสร้าง: จัดเก็บข้อมูลในรูปแบบของ ตาราง (Tables) โดยแต่ละตารางมีความสัมพันธ์กันผ่าน คีย์หลัก (Primary Key) และ คีย์นอก (Foreign Key) ข้อมูลมีความสอดคล้องกันสูงและมีการกำหนดโครงสร้างที่ตายตัว (Schema-on-Write)
- การใช้งานที่เหมาะสม: เหมาะสำหรับระบบที่ต้องการความถูกต้องของข้อมูลสูงและมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน เช่น ระบบบัญชีธนาคาร, ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) หรือระบบจัดการคลังสินค้า
* ฐานข้อมูลแบบไม่เชิงสัมพันธ์ (NoSQL Database):
- โครงสร้าง: ไม่มีการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบตารางที่ตายตัว มีความยืดหยุ่นสูงและไม่มี Schema ที่แน่นอน (Schema-on-Read) มีหลายรูปแบบ เช่น Key-Value, Document, Column-family หรือ Graph Database
- การใช้งานที่เหมาะสม: เหมาะสำหรับข้อมูลที่มีขนาดใหญ่มากและเปลี่ยนแปลงบ่อย ไม่จำเป็นต้องมีโครงสร้างที่ชัดเจน เช่น ข้อมูลโซเชียลมีเดีย, ข้อมูลจาก IoT (Internet of Things) หรือระบบที่ต้องการความรวดเร็วในการขยายขนาด (Scalability) สูง
|
ถาม | ยกตัวอย่างการใช้งานฐานข้อมูล 2 ประเภทในองค์กร พร้อมอธิบายว่าฐานข้อมูลแต่ละประเภทมีบทบาทอย่างไรในการสนับสนุนการดำเนินงาน |
ตอบ |
1. ฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการ (Operational Database):
- บทบาท: ใช้สนับสนุนการดำเนินงานประจำวันขององค์กรแบบ เรียลไทม์ (Real-time) โดยส่วนใหญ่จะเป็นฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ที่เน้นความถูกต้องและสอดคล้องของข้อมูล
- ตัวอย่าง: ระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ใช้ฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดเก็บข้อมูลลูกค้า ประวัติการติดต่อ และคำสั่งซื้อต่างๆ ของลูกค้า เพื่อให้พนักงานฝ่ายขายและฝ่ายบริการสามารถเข้าถึงข้อมูลล่าสุดได้ทันที
2. ฐานข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ (Analytical Database) หรือ คลังข้อมูล (Data Warehouse):
- บทบาท: ใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลในระยะยาวและจากหลายแหล่ง เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และสร้างรายงานเชิงลึกสำหรับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ขององค์กร
- ตัวอย่าง: ระบบ Business Intelligence (BI) ใช้ข้อมูลจากคลังข้อมูลเพื่อสร้างรายงานสรุปยอดขายในแต่ละภูมิภาค รายงานแนวโน้มพฤติกรรมลูกค้า เพื่อให้ผู้บริหารใช้ในการตัดสินใจวางแผนธุรกิจในอนาคต
|